วันจันทร์, มีนาคม 17, 2557

เริ่มต้น...

ย้ายมาจากอีกบล็อกนึง เพราะนึกไม่ออกว่าจะเขียนแยกไปทำไม (ตอนที่แยกบล็อกก็คิดอะไรอยู่ไม่รู้อะ) เขียนไว้นานแล้วแหละ ตั้งกะปี 2550 ได้มั้ง สำหรับตอนเก่าที่ย้ายบ้านมาก็จะลงวันที่เขียนกำกับไว้ตอนต้นเรื่องแล้วกันเนาะ
-----------
วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2550 (วันที่โพสท์ครั้งแรก)

ฉันเรียนฟลาเมงโก้มาได้เกือบจะสองปีแล้วมั้ง ค่อยเรียนค่อยรู้ไปอย่างช้าๆ นับว่าถูกใจฉันที่ไม่ชอบทำอะไรเร็วๆ โดยไม่จำเป็น

ยังจำได้ว่า เปิดเจอโรงเรียนสอนฟลาเมงโก้ในหน้านิตยสารผู้หญิงหัวนอกฉบับหนึ่ง ตอนนั้น ฉันกำลังเบื่อโลก อยากจะหาอะไรที่ทำแล้วชื่นใจ ไม่ใช่ว่าวันๆ เอาแต่ทำงานงกๆ อย่างเดียว

ตอนแรกที่อ่านบทความนั้น ฉันก็นึกในใจว่าอยากเรียนจังเลย แต่...ฉันก็ทิ้งความคิดนั้นให้ผ่านเลยไป เหมือนอะไรหลายอย่างในชีวิตที่ฉันปล่อยให้ผ่านเลยเพราะนิสัยเฉื่อยชาและไม่ชอบทำธุระเกี่ยวกับการติดต่อจัดการ

แล้ววันหนึ่ง ฉันก็ฮึดขึ้นมา บอกตัวเองว่าจะรอทำไม? ฟลาเมงโกคือสิ่งที่ฉันชอบมาตั้งนานนม อาจจะไม่ใช่ในแบบรักแรกพบ แต่มันอยู่ในใจฉันเสมอ

เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก สถานที่ที่เปิดสอนฟลาเมงโกนั้น มีอยู่ที่เดียวคือมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งต้องสอบเอ็นทรานซ์เข้าไป ซึ่งในตอนนั้น มันคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย (สอบเอ็นฯ ไปเรียนฟลาเมงโก? จบออกมาจะทำอะไรกิน?)

ฉันก็คงเหมือนผู้ใหญ่อีกหลายคนที่ตอนยังอายุน้อยๆ ต้องทิ้งความฝัน (หรือในที่นี้อยู่ในขั้นที่เป็นแค่ความ "อยาก") ของตัวเองไป เพราะในรายการอันดับสิ่งสำคัญในชีวิต ฟลาเมงโกไม่ได้อยู่อันดับต้นๆ

ตอนนี้ เหมือนความฝันแบบเด็กๆ กลับมาอยู่ตรงหน้า รอแค่เอื้อมมือไปคว้ามา ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องรั้งรออีก

ฉันเขียนอี-เมลไปถามรายละเอียด แล้วก็ได้เบอร์โทรศัพท์ แล้วฉันก็โทรศัพท์ไปนัดหมายเพื่อลองเรียน (ฟรี) กับเพื่อนและรุ่นพี่อีก 2 คน สุดท้ายก็เหลือฉันคนเดียวที่ตัดสินใจเรียนอย่างจริงจัง

ในช่วงแรกที่ฉันเข้าไปเรียน มีครูสอน 2 คน ครูชาวญี่ปุ่นจะเป็นคนเล่นกีตาร์ ครูคนไทยจะเป็นคนสอนท่าเต้น

ฉันชอบการเรียนที่นี่ เพราะฉันเป็นนักเรียนคนเดียว ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร ไม่ต้องอายใครและไม่ต้องกลัวโดนล้อ และครูที่สอนก็ใจดีมาก จริงๆ นะ ฉันว่าเรื่องเหล่านี้สำคัญ คนที่ไม่เคยเรียนเต้นรำมาก่อน แล้วต้องมาหัดคงจะเข้าใจ โดยเฉพาะคนเที่เริ่มต้นตอนที่ไม่ใช่เด็กแล้ว รูปร่างก็ใช่ว่าจะดี ถ้าเราอยู่ในคลาสใหญ่ๆ ที่มีคนเยอะแยะ และคนอื่นก็ดูเหมือนจะเก่งกว่า (และเด็กกว่า/ผอมกว่า) เรา ใครๆ ก็ใจฝ่อทั้งนั้นแหละ ยิ่งถ้าเราหัวช้า เรียนช้า ก็จะกลายเป็นตัวถ่วงเพื่อนๆ อีกด้วย โอกาสที่เราจะมั่วๆ ไปเพื่อให้ตามเขาทันก็จะมีมาก ผลก็คือได้วิชาไม่เต็มร้อย ส่วนครูก็อาจจะดูแลไม่ทั่วถึง หรือเกิดได้ครูปากร้าย ชอบว่าเหน็บแนม ก็จะยิ่งไม่อยากเรียน

ประสบการณ์อย่างนี้ฉันรู้ดี อย่างตอนฉันไปเรียนว่ายน้ำ ครูที่สอนชอบว่าจิก แถมยังชอบตี มันไม่เจ็บหรอก แต่ฉันก็ไม่ชอบและรู้สึกว่าน่ารำคาญ เพราะทุกคนที่ไปเรียนคือผู้ใหญ่ที่ว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ใช่เด็กเล็ก ผลก็คือ ฉันไปไม่กี่ครั้ง ก็ขอสวัสดีลาก่อน และจนบัดนี้ ฉันก็ยังว่ายน้ำไม่เป็น

โชคดีที่ชั้นเรียนฟลาเมงโก้ของฉันไม่เป็นอย่างนั้น...

(เอาแค่นี้ก่อน หิวข้าวละ ไว้วันหลังค่อยมาเล่าต่อ)

ไม่มีความคิดเห็น:

โพสต์แนะนำ

Learning Flamenco in Thailand

17th September 2018/ 17 กันยายน 2561 ข่าวเพิ่มเติม ทาคุโอะเซนเซถึงแก่กรรมอย่างสงบเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเรียนกีตาร...