วันจันทร์, กันยายน 11, 2560

การแสดงฟลาเมงโกในมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 19

ปีนี้นับว่าคนรักฟลาเมงโกโชคดี เพราะในมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ (หรือที่เราเรียกย่อๆ กันว่า ICP) ครั้งที่ 19 มีการแสดงฟลาเมงโกให้ดูกันถึงสองรายการด้วยกัน แต่เป็นการแสดงจากคณะเดียวกันค่ะ คือคณะบัลเล่ต์ฟลาเมงโก อันโตนิโอ อันดราเด ซึ่งก่อตั้ง อันโตนิโอ อันดราเด ศิลปินชาวเซบีย่าผู้สร้างสรรค์การแสดงฟลาเมงโกที่มีชื่อเสียงของสเปน

การแสดงชุดแรกคือ โตเรร่า (Torera) ซึ่งแสดงเป็นครั้งแรกในเทศกาลเบียนาล เด อาร์เต ฟลาเมงโกที่มาลากา แต่การแสดงที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ถือว่าเป็นรอบปฐมทัศน์โลก โตเรร่า คือ การนำเสนอธรรมชาติสองขั้วที่ขัดแย้งกันของมนุษย์ และไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน เป็นความขัดแย้งของตัวตนภายในและเปลือกนอกของตัวละครเอกซึ่งรับบทโดย อูร์ซูลา โมเรโน่ นอกจากนี้ยังมีการนำศิลปะการสู้วัวอันถือเป็นสัญลักษณ์ประจำแคว้นอันดาลูเซียมาสอดใส่ไว้ในการแสดงด้วย ปกติแล้ว นักสู้วัว จะถูกเรียกว่า เอล โตเรโร่ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นเพศหญิง จึงกลายเป็น โตเรร่า แต่นางเอกของเรื่องจะมาถึงจุดนั้นได้อย่างไร ต้องไปดูกันค่ะ การแสดงยาวมากนะคะ เกือบสองชั่วโมง มีพักครึ่งประมาณ 20 นาทีค่ะ


การแสดงมีรอบเดียว จะเริ่มเวลาทุ่มครึ่ง วันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 บัตรราคา 3,000/ 2,500/ 2,000/ 1,500 และ 1,000 บาท เลือกซื้อบัตรได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ


การแสดงชุดที่สองเป็นการหยิบเอาวรรณกรรมคลาสสิกเกี่ยวกับสเปน แต่เขียนโดยชาวฝรั่งเศส (พรอสแปร์ เมริเม่ / Prosper Mérimée) และดนตรีจากอุปรากรเรื่องเดียวกัน โดยนักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศส (ฌอร์จส์ บิเซต์ / Georges Bizet) มาใช้ คือเรื่อง การ์เมน (Carmen) โดย อันดราเด เรียกการแสดงของเขาว่า มิ การ์เมน ฟลาเมงกา (Mi Carmen Flamenca) หรือ คาร์เมน (ฉบับ)ฟลาเมงโก ของฉัน เขาตั้งใจจะดึงเรื่องราวของ การ์เมน กลับไปสู่รากเหง้าดั้งเดิม​ ณ ถิ่นกำเนิดของโศกนาฏกรรมเรื่องนี้ โดย การ์เมน ของ อันดราเด จะผสมผสานดนตรีและลีลาการแสดงที่หลากหลาย ตั้งแต่ ฟลาเมงโก แจสส์ ซัลซ่า และอาหรับ การแสดงชุดนี้ได้รับความนิยมและเสียงชื่นชมจากหลายเวทีทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดการแสดงครั้งแรกในปี 2541 



การแสดงมีรอบเดียว จะเริ่มเวลาทุ่มครึ่ง วันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2560 บัตรราคา 3,000/ 2,500/ 2,000/ 1,500 และ 1,000 บาท เลือกซื้อบัตรได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

วันอาทิตย์, สิงหาคม 07, 2559

Voices from Sara Baras (การแสดงยกเลิก)

และแล้วก็ถึงช่วงของงาน Bangkok's International Festival of Dance & Music อีกครั้ง ดูภาพรวมแล้วน่าจะถูกใจคอบัลเล่ต์และโอเปร่า เพราะมีให้เลือกชมกันหลายเรื่องจากหลายประเทศเชียวค่ะ

สำหรับการแสดงฟลาเมงโกในเทศกาลของปีนี้ เป็นการแสดงจากดาราฟลาเมงโกที่ได้ชื่อว่าเป็น Face of Andalucia และเป็นนักเต้นชื่อดังที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยที่สุดเพราะ-ถ้าจำไม่ผิด-เธอมาแสดงในงานนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วค่ะ เธอคือ ซาร่า บาราส (Sara Baras)


ก่อนหน้านี้หลายปี ซาร่า พักการแสดงไประยะหนึ่งเพื่อให้เวลาลูกชายค่ะ สามีของเธอคือ โฆเซ่ เซร์ราโน่ ซึ่งเต้นคู้กับเธอมาตลอดหลายปี และแน่นอนว่าปีนี้เขาก็มาแสดงกับภรรยาเขาด้วยค่ะ

ซาร่า บาราส โด่งดังจากฝีเท้าการเต้นที่น่าทึ่ง เคยมีผู้ให้คำนิยมไว้ว่าเป็น Thunderous Footwork คือไม่ใช่แค่ระดับเท้าไฟค่ะ แต่ยังให้เสียงการเคาะเท้าที่ก้องกังวานและเร้าใจอย่างยิ่ง เท่าที่เคยดูผลงานการเต้นของเธอ เข้าใจว่า ซาร่า จะวางตัวเองเหมือนเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่ง เธอจะเริ่มจากจังหวะในหัว แล้วค่อยๆ ร้อยเรียงออกมาผ่านปลายเท้า มีเพื่อนที่เคยเห็นการทำงานเบื้องหลังบนเวทีเล่าว่า ทีมงานของเธอจะพิถีพิถันกับการติดตั้งไมค์เพื่อรับเสียงการเคาะเท้าของเธอให้ได้ชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่มุมไหน

สำหรับการแสดงของเธอในปีนี้ใช้ชื่อว่า Voces, Suite Flamenca คำว่า Voces ก็คือ Voices นั่นเองค่ะ เป็นการแสดงชุดล่าสุดที่ได้รับความนิยมมาแล้วจากเวทีทั่วโลกเช่นเดียวกับโชว์ชุดอื่นๆ ที่ผ่านมาของเธอ โดยส่วนตัวคิดว่าโชว์ชุด Voces นี้น่าดูตรงที่จะเป็นการนำจังหวะต่างๆ ในการเต้นฟลาเมงโกมาให้ดูกันแบบชัดๆ โดยเรียงตามรายการดังนี้ค่ะ

* La Llama
* Bulería de Chabo
* Seguirilla
* Taranta
* Las Carmenes

* Romance del Negro del Puerto
* Farruca
* Tientos
* Soleá

* Soleá por Bulería
* Bulería

ท่าเต้นทั้งหมด ซาร่า เป็นคนออกแบบเอง และใช้นักเต้นร่วมเวทีเป็นจำนวนมากถึง 15 คน และแน่นอนว่าต้องเธอจะใช้ดนตรีสดในการแสดงค่ะ นอกจากนี้จะยังมีชุดสวยๆ ให้ได้ชมกันด้วย เพราะ ซาร่า ได้ชื่อว่าเป็น แฟชั่น ไอคอน คนหนึ่งของสเปนทีเดียวค่ะ

การแสดงจัดที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2559 บัตรราคา 800 / 1500/ 2000/ 2500 และ 3000 บาทค่ะ

ชมรายละเอียดการแสดงชุดนี้ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.bangkokfestivals.com/programs/VOCES--SUITE-FLAMENCA.html 

และจองบัตรได้ที่นี่ค่ะ
http://www.thaiticketmajor.com/performance/icp18-voces-en.html

วันจันทร์, กันยายน 21, 2558

IMAGE : 20 YEARS

ไม่รู้จะทันไหมเพราะการแสดงชุดนี้จะเล่นในวันนี้แล้ว (21 ก.ย. 2558) แถมยังชนกับคอนเสิร์ตใหญ่ของ Maroon 5 แต่ก็ขอเขียนเชียร์ในเฮือกสุดท้ายกันล่ะ

คณะฟลาเมงโกในงาน Bangkok's International Festival of Dance & Music 2015 คือ Ballet Flamenco de Andalucía ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคณะฟลาเมงโกที่ดีที่สุดของสเปน (แน่ล่ะ ก็มาจากถิ่นของฟลาเมงโกอย่าง อันดาลูเซีย นี่นา) ซึ่งจะมาพร้อมการแสดงชุด Image : 20 Years เป็นผลงานการกำกับการแสดงของ ราฟาเอลา คาร์ราสโก ศิลปินดังในสายฟลาเมงโกและยังเป็นการแสดงที่ได้รับรางวัล ฌิรัลดิโญ่ (Giraldillo - - เปรียบได้ดังรางวัลออสการ์ของฟลาเมงโก) สาขาการแสดงยอดเยี่ยมจากงาน Bienal de Flamenco ที่จัดขึ้นที่ เซบิญ่า เมื่อปีที่แล้วด้วยค่ะ

สัมภาษณ์ราฟาเอลา คาร์ราสโก

การแสดงชุดนี้ ถ้าจะอธิบายแบบคร่าวๆ ก็คือรวมไฮไลท์ของโชว์ชุดต่างๆ ของคณะฟลาเมงโกคณะนี้ในช่วงเวลา 20 ปีของการก่อตั้งคณะขึ้นมา ตามที่ทางผู้จัดกล่าวไว้ว่าจะมีแสง สี เสียง เอฟฟเฟ็คต์ แบบจัดเต็ม รวมถึงแสดงลีลาการเต้นฟลาเมงโกในรูปแบบต่างๆ และนี่เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้มาแสดงในประเทศไทยค่ะ 


เท่าที่ได้ดูชาวคณะจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ คิดว่าน่าสนใจสำหรับคนที่อยากดูฟลาเมงโกแบบดั้งเดิมที่นำมาประยุกต์ให้น่าสนใจและน่าตื่นเต้นโดยที่ไม่ได้ทิ้งความสวยงามของศิลปะการเต้นแบบเก่า ซึ่งเป็นสิ่งที่หาดูไม่ได้บ่อยๆ ในบ้านเรา เพราะหลังๆ นี้ ฟลาเมงโกที่มาแสดงในไทย ดูจะเน้นเรื่องแสง สี เสียง เป็นโชว์แบบตระการตามากกว่าจะนำเสนอฟลาเมงโกแบบเข้มข้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกค่ะ การแสดงที่ดีก็ต้องน่าดึงดูดใจ และความน่าดึงดูดใจนั้นก็สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยวิธีการต่างๆ อีกอย่างหนึ่งคือ เราต้องยอมรับว่าความเข้าใจเรื่องฟลาเมงโกของผู้ชมในบ้านเราอาจจะยังไม่ได้มีมากหรือเป็นที่น่าสนใจ ดังนั้นผู้จัดย่อมต้องเลือกการแสดงที่เร้าใจมานำเสนอก่อนเป็นธรรมดา

ความน่าดูอีกสองประการของ Image : 20 Years ก็คือจะมีนักเต้นหนุ่มสาวหลายคนเข้าร่วมด้วย นอกเหนือไปจากเหล่าดาราของคณะ และที่ดีมากๆ ก็คือดนตรีสดค่ะ โดยจะมีคณะนักร้องและนักกีตาร์แสดงสดไปพร้อมกับการเต้นด้วย อันที่จริงแล้ว ดนตรีสด เป็นองค์ประกอบสำคัญของการแสดงฟลาเมงโกนะคะ แต่ปัจจุบัน หลายคณะก็ลดทอนความยุ่งยากไปด้วยการใช้เสียงดนตรีที่บันทึกไว้แล้ว แต่เชื่อเถอะค่ะว่า การใช้ดนตรีสดประกอบการแสดงจะทำให้ได้บรรยากาศมากกว่า

งานจะแสดงวันนี้แล้ว เพราะฉะนั้น ไปซื้อบัตรที่หน้างานที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยได้เลยค่ะ บัตรราคา 800, 1500, 2000, 2500 และ 3000 บาท ประตูจะเปิด 19.30 น. นะคะ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ซื้อบัตร น่าจะไปถึงสถานที่ล่วงหน้าสักชั่วโมง ส่วนคนที่มีบัตรแล้ว ควรไปถึงก่อนการแสดงจะเริ่มอย่างน้อย 30 นาทีค่ะ

สุดท้ายฝากแฟนเพจของ Bangkok's International Festival of Dance & Music ไว้ด้วยนะคะ (ถ้าเปลี่ยนที่อยู่เพจเมื่อไหร่ ช่วยแจ้งไว้หน้าวอลล์ด้วยนะคะ นี่ก็หลงดูหน้าเก่าอยู่ตั้งนานสองนาน)

วันพุธ, สิงหาคม 20, 2557

เชิญชม Los Vivancos : ฟิวชั่นฟลาเมงโกในมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 16

หลังจากปีที่แล้วไม่มีการแสดงประเภทฟลาเมงโกใน มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ (Bangkok's International Festival of Dance and Music : ICP) ให้ดูกันเลย ทั้งที่ปกติแล้วถือว่าเป็นไฮไลต์ของงานด้วยซ้ำ มาคราวนี้อาจเรียกได้ว่า "จัดเต็ม" เพราะเชิญคณะฟลาเมงโกที่มีโชว์น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ อย่าง Los Vivancos มาให้ดูกัน โดยกรุงเทพฯ จะเป็นเวทีสุดท้ายของการแสดงที่ชื่อว่า "Aeternum" ของพวกเขา ก่อนที่จะเริ่มฝึกซ้อมการแสดงชุดใหม่ค่ะ


โลส บิบันโกส เป็นคณะนักเต้นชายล้วนจากบาร์เซโลนา มีทั้งหมด 7 คน ล้วนแต่หล่อล่ำกันทั้งสิ้น ลองดูประวัติแล้ว แต่ละคนมีเกียรติคุณด้านการเต้นและศิลปะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น มาร์เชียลอาร์ต ติดตัวกันมาแบบยาวเหยียด ถ้าดูในประวัติของแต่ละคนอาจจะไม่ทราบว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน เพราะในนั้นจะเห็นแต่ชื่อต้น ไม่มีนามสกุล Vivanco อันเป็นที่มาของชื่อคณะ Los Vivancos 

ทั้งเจ็ดหนุ่มร่วมกันก่อตั้งคณะ โลส บิบันโกส เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว พวกเขาเต้นกันในแบบของฟิวชั่นฟลาเมงโกหรือฟลาเมงโกประยุกต์ค่ะ คือผสมผสานศิลปะการเต้นฟลาเมงโกเข้ากับการเต้นสไตล์อื่นๆ รวมถึงการใช้เทคนิคต่างๆ ในการแสดง อาจจะไม่ถูกใจคนที่ชอบฟลาเมงโกแบบดั้งเดิมเท่าไหร่นัก แต่ถ้ามองในฐานะการแสดงชุดหนึ่งแล้ว ถือว่าน่าดูน่าชมมากๆ 

พวกเขาประสบความสำเร็จไปทั่วโลกกับโชว์ชุดแรก "7BROTHERS" ได้รับรางวัลด้ารการเต้นจากหลายสถาบัน สำหรับโชว์ชุด "Aeternum" (เป็นภาษาละตินค่ะ เท่าที่ลองค้นดู น่าจะหมายถึง นิรันดร์กาล หรือ Eternity) ซึ่งเป็นโชว์ชุดที่ 2 นี้ พวกเขาได้ตัว ดาเนียล ฟินซิ ปาสกา ผู้สร้างสรรค์โชว์ชุด "Corteo" ของคณะเซิร์กดู โซเลย์ (Cirque du Soliel) และ เฟร์นันโด เบลาซเกซ ผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Orphanage มาร่วมงานด้วย โดยมีวงบูดาเปสท์ ซิมโฟนี ออร์เคสตร้า มาบันทึกเสียงเพลงประกอบโชว์ชุดนี้ คอนเซ็ปต์ของการแสดงชุดนี้เป็นเรื่องราวของศิลปะ จินตนาการและความเป็นนิรันดร์ ตัวละครในเรื่องนั้นมีทั้งมนุษย์ เทวดา ปิศาจและแวมไพร์ ในโชว์จะมีทั้งหมด 8 ฉากและรับประกับความตื่นตาตื่นใจทุกฉากค่ะ

"Aeternum" ของ โลส บิบันโกส จะเปิดแสดงเพียงรอบเดียว ในวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2557 เวลา 19.30 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยค่ะ

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนุ่มนักเต้นคณะนี้ แวะชมเว็บไซต์ของพวกเขาได้ค่ะ
ส่วนผู้ที่ต้องซื้อบัตรชมการแสดง จองได้ที่เว็บไซต์ของ Thaiticketmajor ค่ะ บัตรราคา 3,000/ 2,500/ 2,000/ 1,500 และ 800 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมในการออกบัตรใบละ 20 บาท)

มีคำเตือนจากเพื่อนค่ะ บอกว่าอย่าดูคลิปของโชว์ชุดนี้ให้มากนัก เพราะบนเวทีจะมีเซอร์ไพรส์หลายช่วง ซึ่งถ้าได้ดูแบบสดๆ จะดีกว่า พูดง่ายๆ ว่าถ้ารู้ไต๋กันหมด ก็ไม่ตื่นเต้นกันพอดี เดี๋ยวไม่คุ้มค่าบัตรนะเออ

วันจันทร์, มีนาคม 17, 2557

ฟลาเมงโกกับน้องเบเบ้

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2551 (วันที่โพสท์ครั้งแรก)

วันหนึ่งเมื่อฉันไปเรียนตามปกติ พบจบครึ่งแรก พระอาจารย์ชาวญี่ปุ่นของฉันก็พูด...แปลเป็นไทยได้ความว่า "เดี๋ยวมาดูวิดีโอเบเบ้กัน" ฉันก็รับคำแบบงงๆ นึกว่าเป็นวิดีโอนักเต้นฟลาเมงโกที่ครูชื่นชอบแบบที่แกเปิดให้ดูบ่อยๆ

ครูเปิดทีวี เปิดวิดีโอ ทันใดนั้นก็ปรากฏภาพสาวน้อยหน้าใสกำลังวาดลีลาฮิพ-ฮอพขึ้นบนจอ

ตอนแรกฉันก็นึกว่าเป็นภาพเก่าที่ติดมาจากหัวม้วนวิดีโอ แบบว่าอัดทับไง นึกออกมะ ทันใดนั้น ครูก็ชี้มือไปที่แม่สาวน้อยที่กำลังโยกย้ายแล้วก็ย้ำว่า "เบเบ้"

ฉันก็แบบว่า เอาล่ะซี พระอาจารย์มาอารมณ์ไหนวะเนี่ย? เรียนฟลาเมงโกอยู่ดีๆ ก็มาให้ดูฮิพ-ฮอพซะงั้น แล้วเบเบ้นี่มันใครกันหว่า?

พักใหญ่ๆ หน้าจอทีวีก็เปลี่ยนไป มีพิธีกรหนุ่มมาพูดแนะนำว่าต่อไปนี้ "น้องเบเบ้" จะมา "เต้นระบำสเปน" น้องเบเบ้ที่ว่านี้ก็คือ ดาราสาวและนักร้องสาวนามว่า ธันย์ชนก ฤทธินาคา นั่นเอง

แล้วภาพก็ตัดไปเป็นน้องเบเบ้กำลังวาดลวดลายฟลาเมงโก้ในแบบ Solea ที่พระอาจารย์บอกว่าอาจจะอ่อนซ้อมไปหน่อย แต่โดยรวมๆ แล้วก็ลีลาดีทีเดียว เสียตรงที่เสียงกีตาร์แย่มาก (ก็ห้องมันเป็นกระจก เสียงก็เลยสะท้อนก้องไปหมด) ฉันยังทึ่งเลยว่าน้องเขากะจังหวะเต้นเข้าไปได้ยังไง้ เพราะมันแทบจะฟังไม่เป็นเพลงเลย แล้วก็รำคาญนิดหน่อยที่กล้องมัวแต่ซูมหน้าน้องอยู่พักใหญ่ แทนที่จะจับลีลาให้ได้เห็นกันถนัดๆ จะเข้าท่ากว่า

พระอาจารย์ทำท่าปลื้มอกปลื้มใจกับน้องเบเบ้เป็นอันมาก แล้วก็ออกปากว่าอยากจะได้โฟโต้ อัลบั้มของน้อง ฉันรู้บ้างไหมว่าจะไปหาซื้อได้ที่ไหน...นั่น...ครูฉันวัยรุ่นกว่าลูกศิษย์เสียอีก

อาทิตย์ต่อมา ฉันก็อุตส่าห์ไปหาโฟโต้อัลบั้มของน้องเบเบ้มาให้พระอาจารย์จนได้ (ที่จริงมันก็ไม่ได้ยากอะไร แค่ต้องทำหน้าวัยรุ่นสุดขีดตอนไปถามหาที่ร้านหนังสือเท่านั้นแหละ) พระอาจารย์ของฉันยิ่งปลื้มหนัก บอกว่าเดี๋ยวจะไปลองแกะเพลงน้องเบเบ้ดูเสียหน่อย (แต่เดิมนักร้องคนโปรดของแกคือน้องลิเดีย-วัยรุ่นอีกแล้ว) แล้วก็บอกว่า แกอยากจะลองเล่นกีตาร์ฟลาเมงโกให้น้องเบเบ้เต้นสักเพลงสองเพลง แล้วฉันก็น่าจะไปเต้นกับน้องเขาด้วย

ฉันหัวเราะก๊าก ก็ถ้าจะเทียบหุ่นฉันกับน้องเขา มันก็คงเหมือนถังเบียร์กับแก้วไวน์ ยังไม่นับว่าน้องเขาเรียนไปถึงขั้นแอดวานซ์แล้ว ฉันยังต้วมเตี้ยม ไปไม่ถึงไหน ขืนเต้นด้วยกันก็ขำเปล่าๆ นอกจากนี้ พระอาจารย์ยังชักชวนอีกว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่น้องเบเบ้มีโชว์ฟลาเมงโก เราไปดูด้วยกันนะ

เอาเป็นว่า ถ้าน้องเบเบ้เกิดมาอ่านเจอ ก็ขอให้ช่วยพิจารณาความฝันของคนสูงอายุด้วยก็แล้วกันนะจ๊ะ.

เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก

วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2551 (วันที่โพสท์ครั้งแรก)

พอมาดูบล็อกอีกทีก็ให้รู้สึกน่าอายยิ่งนัก แรกฝันไว้เลิศหรูว่าจะมาเล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์การเรียนฟลาเมงโก ก็มัวแต่ทำมาหากินประกอบกับความเกียจคร้าน ผลก็เลยเป็นเช่นนี้

ถึงวันนี้ก็เรียนไปได้หลายอย่าง ซึ่งก็สมควรอยู่ เพราะนับแล้วฉันก็เรียนฟลาเมงโกมาร่วมสามปีแล้วกระมัง "เซบิยานาส" หรือก็เรียนจบทั้งสี่เพลงแล้ว ส่วน "อเลเกรียส" (Alegrias) ก็เรียนไปจนจบท่อน "ซิเลนซิโอ" (Silencio) แล้ว ตามด้วยเพลง "ตังกิโย" (Tanguillo) อีกหนึ่งท่อน แถมด้วยการเรียนกีตาร์ เรียกว่าเรียนกันอุตลุดเลยครับท่านพ่อแม่พี่น้อง

ความที่เรียนกีตาร์ฟลาเมงโกด้วย (วิชาโทภาคบังคับ) ตอนนี้นิ้วมือข้างซ้ายก็เริ่มด้าน ขณะที่นิ้วมือข้างขวาก็ต้องไว้เล็บยาว เพราะกีตาร์ฟลาเมงโกไม่มีการใช้ปิ๊กดีดนะครับพี่น้อง ใช้ได้แต่นิ้วและเล็บของเราเท่านั้น ไอ้เรื่องเจ็บนั้นไม่เท่าไหร่ เพราะเคยเรียนกีตาร์ตอนเด็กๆ มาแล้ว แต่เหนื่อยมากๆ เพราะการเล่นกีตาร์แบบฟลาเมงโกนี้ต้องใช้พลังมากจริงๆ แล้วเรื่องเมื่อยนี่...สุดยอด บางวันนิ้วเกร็งค้าง อารมณ์เดียวกับคนกรามค้างเลย เพราะฉันเป็นคนมือเล็ก นิ้วสั้น เวลาเล่นกีตาร์ก็เลยยากลำบากลำบน แต่ก็กัดฟันทน โธ่...ก็อาจารย์ปู่ของฉันน่ะ มือก็เล็กพอๆ กัน ท่านยังเล่นได้เลย ฉะนั้นจึงไม่มีข้ออ้างว่าสรีระไม่ให้เด็ดขาด (เศร้า)

แม้จะเรียนมานานแล้ว แต่ปัญหาที่ฉันยังแก้ไม่ตกก็คือการดีดกรับให้มันดังเด้งสมใจนึก รู้น่ะว่ามันต้องหัดบ่อยๆ แต่ว่ามันขี้เกียจ เอ๊ย มันไม่ค่อยจะมีเวลา พอมีเวลาก็ลืมทุกที หรือไม่ก็มีคนอยู่เต็มบ้าน ทำให้ไม่กล้าซ้อมดีด กลัวคนที่บ้านจะมัวแต่มองหาว่ารถขายเกี๊ยวที่ไหนวะ วิ่งเข้าซอยออกซอยอยู่ได้

อีกอย่างก็คือฉันยังกะช่วงที่ควรจะวางนิ้วบนกรับและยังปรับความแน่น-หลวมของสายผูกได้ไม่ดี คนที่ดีดเก่งๆ คงไม่มีปัญหา แต่สำหรับฉันมันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าผูกสายเชือกแน่นไป เราจะดีดกรับไม่ดังเพราะเชือกมันรั้งชิ้นไม้ไว้ตึงเกินไป แต่ถ้าปล่อยให้เชือกหย่อนมากไปก็จะทำให้เราดีดไม่ถนัด ยิ่งเวลาที่ต้องวาดแขนไปด้วย ดีดกรับไปด้วย แถมด้วยเท้าก็ต้องเดินไปตามสเต็ปเพลง คุณเอ๊ย ไม่รู้จะทำอะไรก่อนอะไรหลัง ชีวิตนี้ช่างสับสนเป็นยิ่งนัก

แต่ถ้าวันไหนกะทุกอย่างได้พอดีเป๊ะ เสียงกรับจะดังกังวาน ชวนให้ฮึกเหิมและเคลิ้มไปว่าเออ ตูข้าก็ฝีมือไม่เลวเหมือนกันนิ อะเหอๆ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะเก่งจริงๆ

ขอนอกเรื่องนิดนึง เมื่อเดือนที่แล้วไปเข้าคลาสลีลาศ มีสอนจังหวะ ปาโซโดเบล (Paso Doble) ด้วย อีนี่ก็เลย "อิน" ซะ... อยากจะคิดว่าดิฉันมาดให้ที่สุดในชั้นเลยเชียว

ตอนนี้ใช้วิธีเรียกผีฟลาเมงโกกับผีสเปนให้มาเข้าสิง คิดอะไรเป็นภาษาสเปนไปโม้ด เวลาทำงานก็เปิดแต่เพลงฟลาเมงโก จะอ่านนิยายก็ไปหยิบเอาเรื่องที่เกี่ยวกับฟลาเมงโกมาอ่าน ว่างๆ ก็ดูดีวีดีฟลาเมงโก ทั้งที่เป็นบทเรียนและเป็นหนัง เอาให้มันอินถึงขั้นหลับก็ฝันถึงได้ยิ่งดี เรียกว่าพยายาม Living flamenco ให้มากที่สุด ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเกี่ยวกับการเรียนได้ไหม แต่ว่าทำแล้วสบายใจ ก็เลยไม่รู้ว่าทำไมถึงจะไม่ทำ

ไปล่ะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้า ถ้าไม่ขี้เกียจ ก็จะมาเล่าสู่กันฟังให้มันเป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้.

แรกเรียน

ตอนที่ 2
-----------
วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2550 (วันที่โพสท์ครั้งแรก)

มาเล่าต่อ...อาจจะไม่เป็นขั้นเป็นตอน ว่าไปตามที่นึกได้ละกัน

อันดับแรกที่นักเรียนต้องเรียนก็คือการตบมือและย่ำเท้า ซึ่งมีหลายแบบ หลายจังหวะ แล้วไม่ใช่จะสักแต่ว่าตบๆ มือไปให้มีเสียง มันต้องมีวิธีตบให้ถูกต้องด้วย ไม่งั้นมันจะไม่ดัง (เท่าครู) สมัยเรียนใหม่ๆ ฝึกแค่นี้ก็เหนื่อยแฮ่กแล้ว แต่เดี๋ยวนี้-สบาย...สิวๆ มาก

ครูคนไทยเคยบอกฉันว่าปัญหาใหญ่ของคนไทยคือการทำอะไรด้วยมือและเท้าพร้อมๆ กัน ด้วยจังหวะที่ไม่เท่ากัน สำหรับฉัน เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่กลายเป็นว่าฉันมักจะทำอะไรนุ่มนิ่มเกินไป ก้าวเท้าสั้นเกินไป ไม่เด็ดขาดขึงขัง ทั้งที่ฉันก็ว่าตัวเองมีความเป็นจิ๊กโก๋อยู่ในตัวไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะเราถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าไม่ควรทำอะไรเสียงดังเอะอะตึงตัง จะเป็นการเสียมารยาท ขณะที่ฟลาเมงโกคือการแสดงอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ ไม่มีการเหนี่ยวรั้ง การสะบัดมือ วาดเท้าต้องมีพลัง...อย่างที่ทำให้หลายคนเห็นแล้วก็คิดไปว่าการเต้นฟลาเมงโกไม่มีอะไรมากไปกว่าการกระทืบบาทาเร็วๆ และแรงๆ

ปัญหาอีกอย่างที่ฉันรู้สึกคือความเชื่องช้า ฉันหมุนตัวได้ไม่ดีนักและมักจะช้าเกินไปเสมอ อาจจะเป็นเพราะจุดศูนย์ถ่วงไม่ดี (ฮา) แต่ครูไม่เคยตำหนิ อาจจะเห็นว่าตัวกลมป๊อกแบบนี้ มันเต้นได้เป็นเพลงก็บุญแล้ว ตอนนี้แม้ว่าจะทำได้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ฉันอยากให้เป็น เพราะการฝึกฟลาเมงโก เราควรจะสามารถเต้นได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ

(เวลาฉันเต้นฟลาเมงโก้ คงจะคล้ายๆ อย่างนี้/ ภาพวาดโดยโบเตโร)

นอกจากการตบมือและย่ำเท้า ก็จะมีบทเรียนขั้นต้นคือเพลง Sevillanas (เซ-บิ-ยา-นาส) 4 เพลง ซึ่งใช้เวลาเรียนราวๆ 8-10 เดือน ในกรณีที่มาเรียนสัปดาห์ละครั้งและความจำไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก รวมทั้งรู้จักซ้อมที่บ้านเป็นครั้งคราว ครูจะให้ดีวีดีกลับมาดูด้วย แต่ดูแล้วอาจจะต้องกลั้นยิ้ม เพราะเสื้อผ้า-หน้า-ผมของคนในวิดีโอเป็นของยุค 20-30 ปีที่แล้วทั้งนั้น

ลักษณะการเรียนก็คล้ายๆ กับการเรียนดนตรีทั่วไปนั่นแหละ คือมาต่อเพลง ต่อท่ากันไปจนกว่าจะจบ แล้วก็ต้องฝึกซ้ำๆ กันทุกครั้งที่มาเรียน ตั้งแต่การตบมือ ย่ำเท้าต่างๆ เรียกว่าทำกันตั้งแต่บทที่ 1 ถึงบทเรียนล่าสุด ซึ่งอาจจะทำให้บางคนรู้สึกเบื่อ หลายคนเรียนไปได้ไม่กี่เดือนก็เลิก แต่ฉันชอบการฝึกแบบนี้ เพราะเท่ากับได้ทวนไปในตัว อีกอย่างก็คือ เมื่อเรียนไปนานๆ เซนเซ (ครูญี่ปุ่น) จะเร่งจังหวะเพลงให้เร็วขึ้น ซึ่งทำให้เราต้องเต้นเร็วขึ้นด้วย ผลก็คือเพลงที่เราเคยเต้นได้สบาย ก็จะไม่ใช่ของหมูๆ อีกต่อไป

เมื่อเรียนจบ Sevillanas ทั้ง 4 เพลง ก็จะได้เริ่มหัดเคาะกรับสเปน ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Castanet ส่วนคนสเปนจะเรียกว่า Castañuela (กัส-ตาญ-ยวย-ลา) ซึ่งน่าจะเป็นศัพท์เรียกแบบทางการ เพราะบางที ฉันก็เห็นในเว็บฟลาเมงโก้บางเว็บเรียกว่า pallilos (ปา-ยิ-โลส) แต่เซนเซเรียกสั้นๆ ว่า "ป๊า-โย่" กรับเจ้ากรรมนี้ ตอนเรียนใหม่ๆ ทำให้ฉันกลุ้มใจมากเพราะเคาะเท่าไหร่ก็ไม่ดัง ครูคนไทยบอกว่าหัดไปเถอะ สัก 2-3 เดือนก็จะดังเอง ฉันฟังแล้วไม่ค่อยจะเชื่อ ก็ดูมันไม่มีเววเอาเสียเลย พับผ่า

แต่ในที่สุด เมื่อผ่านไปประมาณ 3 เดือน ฉันก็ทำให้มันมีเสียงได้ แม้จะยังรัวได้ไม่ไพเราะเท่ามืออาชีพ แต่มันก็ดังล่ะ (วะ) โดยส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่ามันขึ้นอยู่กับกรับที่เราใช้ด้วย ถ้าได้อันที่เหมาะกับขนาดมือเราและทำจากไม้ดีๆ ไม่ต้องออกแรงมาก เสียงก็จะดังและเพราะมากๆ ด้วย ครูเคยบอกฉันว่ากรับดีๆ ราคาคู่ละประมาณสามหรือสี่พันบาททีเดียว ได้ยินราคาแล้ว ความอยากได้ก็ถดถอย สงสัยต้องรอไปซื้อตอนเซลส์ซะล่ะมั้ง...

(แต่สุดท้ายฉันก็ซื้อมาได้คู่นึง ตอนไปเที่ยวสเปน คู่ละ 5 ยูโรมั้ง ถ้าจำไม่ผิด เทียบเป็นเงินไทยก็ราวๆ สองร้อยบาท แต่ปรากฏว่าไซส์มันเล็กไปหน่อยสำหรับฉัน ใช้ไปแล้วก็ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่)

เริ่มต้น...

ย้ายมาจากอีกบล็อกนึง เพราะนึกไม่ออกว่าจะเขียนแยกไปทำไม (ตอนที่แยกบล็อกก็คิดอะไรอยู่ไม่รู้อะ) เขียนไว้นานแล้วแหละ ตั้งกะปี 2550 ได้มั้ง สำหรับตอนเก่าที่ย้ายบ้านมาก็จะลงวันที่เขียนกำกับไว้ตอนต้นเรื่องแล้วกันเนาะ
-----------
วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2550 (วันที่โพสท์ครั้งแรก)

ฉันเรียนฟลาเมงโก้มาได้เกือบจะสองปีแล้วมั้ง ค่อยเรียนค่อยรู้ไปอย่างช้าๆ นับว่าถูกใจฉันที่ไม่ชอบทำอะไรเร็วๆ โดยไม่จำเป็น

ยังจำได้ว่า เปิดเจอโรงเรียนสอนฟลาเมงโก้ในหน้านิตยสารผู้หญิงหัวนอกฉบับหนึ่ง ตอนนั้น ฉันกำลังเบื่อโลก อยากจะหาอะไรที่ทำแล้วชื่นใจ ไม่ใช่ว่าวันๆ เอาแต่ทำงานงกๆ อย่างเดียว

ตอนแรกที่อ่านบทความนั้น ฉันก็นึกในใจว่าอยากเรียนจังเลย แต่...ฉันก็ทิ้งความคิดนั้นให้ผ่านเลยไป เหมือนอะไรหลายอย่างในชีวิตที่ฉันปล่อยให้ผ่านเลยเพราะนิสัยเฉื่อยชาและไม่ชอบทำธุระเกี่ยวกับการติดต่อจัดการ

แล้ววันหนึ่ง ฉันก็ฮึดขึ้นมา บอกตัวเองว่าจะรอทำไม? ฟลาเมงโกคือสิ่งที่ฉันชอบมาตั้งนานนม อาจจะไม่ใช่ในแบบรักแรกพบ แต่มันอยู่ในใจฉันเสมอ

เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก สถานที่ที่เปิดสอนฟลาเมงโกนั้น มีอยู่ที่เดียวคือมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งต้องสอบเอ็นทรานซ์เข้าไป ซึ่งในตอนนั้น มันคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย (สอบเอ็นฯ ไปเรียนฟลาเมงโก? จบออกมาจะทำอะไรกิน?)

ฉันก็คงเหมือนผู้ใหญ่อีกหลายคนที่ตอนยังอายุน้อยๆ ต้องทิ้งความฝัน (หรือในที่นี้อยู่ในขั้นที่เป็นแค่ความ "อยาก") ของตัวเองไป เพราะในรายการอันดับสิ่งสำคัญในชีวิต ฟลาเมงโกไม่ได้อยู่อันดับต้นๆ

ตอนนี้ เหมือนความฝันแบบเด็กๆ กลับมาอยู่ตรงหน้า รอแค่เอื้อมมือไปคว้ามา ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องรั้งรออีก

ฉันเขียนอี-เมลไปถามรายละเอียด แล้วก็ได้เบอร์โทรศัพท์ แล้วฉันก็โทรศัพท์ไปนัดหมายเพื่อลองเรียน (ฟรี) กับเพื่อนและรุ่นพี่อีก 2 คน สุดท้ายก็เหลือฉันคนเดียวที่ตัดสินใจเรียนอย่างจริงจัง

ในช่วงแรกที่ฉันเข้าไปเรียน มีครูสอน 2 คน ครูชาวญี่ปุ่นจะเป็นคนเล่นกีตาร์ ครูคนไทยจะเป็นคนสอนท่าเต้น

ฉันชอบการเรียนที่นี่ เพราะฉันเป็นนักเรียนคนเดียว ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร ไม่ต้องอายใครและไม่ต้องกลัวโดนล้อ และครูที่สอนก็ใจดีมาก จริงๆ นะ ฉันว่าเรื่องเหล่านี้สำคัญ คนที่ไม่เคยเรียนเต้นรำมาก่อน แล้วต้องมาหัดคงจะเข้าใจ โดยเฉพาะคนเที่เริ่มต้นตอนที่ไม่ใช่เด็กแล้ว รูปร่างก็ใช่ว่าจะดี ถ้าเราอยู่ในคลาสใหญ่ๆ ที่มีคนเยอะแยะ และคนอื่นก็ดูเหมือนจะเก่งกว่า (และเด็กกว่า/ผอมกว่า) เรา ใครๆ ก็ใจฝ่อทั้งนั้นแหละ ยิ่งถ้าเราหัวช้า เรียนช้า ก็จะกลายเป็นตัวถ่วงเพื่อนๆ อีกด้วย โอกาสที่เราจะมั่วๆ ไปเพื่อให้ตามเขาทันก็จะมีมาก ผลก็คือได้วิชาไม่เต็มร้อย ส่วนครูก็อาจจะดูแลไม่ทั่วถึง หรือเกิดได้ครูปากร้าย ชอบว่าเหน็บแนม ก็จะยิ่งไม่อยากเรียน

ประสบการณ์อย่างนี้ฉันรู้ดี อย่างตอนฉันไปเรียนว่ายน้ำ ครูที่สอนชอบว่าจิก แถมยังชอบตี มันไม่เจ็บหรอก แต่ฉันก็ไม่ชอบและรู้สึกว่าน่ารำคาญ เพราะทุกคนที่ไปเรียนคือผู้ใหญ่ที่ว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ใช่เด็กเล็ก ผลก็คือ ฉันไปไม่กี่ครั้ง ก็ขอสวัสดีลาก่อน และจนบัดนี้ ฉันก็ยังว่ายน้ำไม่เป็น

โชคดีที่ชั้นเรียนฟลาเมงโก้ของฉันไม่เป็นอย่างนั้น...

(เอาแค่นี้ก่อน หิวข้าวละ ไว้วันหลังค่อยมาเล่าต่อ)

วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 03, 2555

Bangkok Guitar Fiesta 2012


อาจจะกระชั้นชิดไปหน่อย แต่ขอแจ้งข่าวแบบด่วนๆ ว่า Bangkok Guitar Fiesta ครั้งที่ 2 กำลังเกิดขึ้น ณ บัดนาว งานนี้จัดระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ มีศิลปิน 4 รายมาแสดงและจัดเวิร์ตชอพสำหรับผู้ที่สนใจ ได้แก่ Tango in Guitar (Tango), Frank Bungarten (Classical), Vitaly Makukin (Tapping) และ 12 Curedas (Flamenco)  บัตรคอนเสิร์ตราคา 1,500 บาท, 900 บาท และบัตรเวิร์คชอพราคา 900 บาท ต่อหนึ่งชุดการแสดงและเวิร์คชอพหนึ่งคร้ัง มีจำหน่ายที่ Thaiticketmajor (02-262-3456) ไปชมรายละเอียดการแสดงได้ที่เว็บไซต์ของงาน : www.bangkokguitarfiesta.com

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 08, 2554

Bangkok Guitar Fiesta 2011



ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้พบกับเทศกาลกีตาร์คลาสสิคประจำปีของไทยค่ะ โดยปีนี้จะมีนักกีตาร์ฟลาเมงโกจากสเปนมาโชว์ในรูปของวงสี่ชิ้นคือคณะ Victor Monge Serrantino ในวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 19.30 น. ที่หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยจะมีการเปิดเวิร์คชอพสำหรับผู้ที่สนใจในวันเดียวกัน เวลา 10.00-12.00 น. ที่ห้องประชุม 1 ศูนย์วัฒนธรรมฯ ค่ะ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และเฟซบุ็๊คข้างล่างค่ะ:

ส่วนบัตรคอนเสิร์ตและเวิร์คชอพ ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของ Thai Ticket Major ค่ะ

The Bangkok Guitar Fiesta 2011 (Classical and Flamenco Guitar)
25-27 February 2011 • Thailand Cultural Centre - Small Hall
All concerts start at 19:30 hrs
For more information, please take a look at

For the concert and workshop tickets, Please check out at Thai Ticket Major website:

โพสต์แนะนำ

Learning Flamenco in Thailand

17th September 2018/ 17 กันยายน 2561 ข่าวเพิ่มเติม ทาคุโอะเซนเซถึงแก่กรรมอย่างสงบเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเรียนกีตาร...